ถ้านึกถึงบริษัทค้าปลีกในระดับโลกก็ต้องมีชื่อ Walmart อยู่ในลิสต์แน่นอน ความยิ่งใหญ่ของบริษัทนี้ไม่ได้มีแค่เพียงการก่อตั้งบริษัทที่มีมานานเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทที่สามารถอยู่รอดได้นานอีกด้วย แถมยังเติบโตได้อีกเรื่อย ๆ อีกต่างหาก แม้ว่าจะเป็นในยุคที่รูปแบบธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ตาม วันนี้เรามาทำความ รู้จัก Walmart ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Walmart คืออะไร
อาจมีบางท่านที่ไม่รู้จัก ก่อนอื่นเราจะแนะนำ Walmart กันก่อน Walmart ป็นร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ขายสินค้าราคาต่ำ โดยแยกประเภทของร้านเป็น 3 กลุ่มคือ
1. Discount Store ที่ขายสินค้าหลากหลายโดยเน้นสินค้าทั่วๆไปที่ไม่ใช่อาหารสด ซึ่งจะเน้นการขายแบบบริการตนเอง ภายในร้านไม่มีการตกแต่งมากนัก ( คล้ายกับ Big- C , Lotus แต่ไม่มีกลุ่มอาหารสด)
2. Supercenters ที่คล้ายกับ Discount Store แต่มีแผนกอาหารสดด้วย (แบบเดียวกับ Big-C , Lotus , Carrefour ในไทย) และ
3. Sam’s club ที่เป็นร้านค้าส่งสำหรับสมาชิก (แบบเดียวกับ Makro ในไทย) โดยปัจจุบันมีสาขารวมกันทั้งในและนอกสหรัฐอเมริกากว่า 4,203 สาขา มียอดขายรวมในปี 2001 มากกว่า 191 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยถือได้ว่าเป็นเครือข่ายร้านค้าปลีกอันดับหนึ่งในอเมริกาและเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ก่อกำเนิด Walmart
Walmart เริ่มก่อตั้งโดย Sam Walton ในปี 1962 ผู้ที่ประสบการณ์ทำงานในร้านขายของชำ แล้วร้านขายของชำที่เขาทำงานอยู่มีรายได้เติบโตจากการบริหารของเขา ด้วยเหตุนี้ Walton จึงออกมาเปิดร้านเป็นของตัวเอง
Walton เริ่ทำธุรกิจด้วยแนวคิดที่ว่า สินค้าร้านเขาต้องถูกกว่าที่อื่นมาก การบริหารต้นทุนจะต้องถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงทำให้ร้านของเขาเป็นร้านค้าปลีกที่ไปซื้อสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง ทำให้ได้รับราคาสินค้าที่ต้นทุนต่ำกว่าร้านอื่น นี่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ร้านค้าปลีกแห่งนี้แตกต่างจากร้านอื่น เขาเปิดสาขาแรกที่เมือง Arkansas การขยายสาขของร้านก็จจะเน้นไปที่เมืองเล็ก ๆ ที่มีคู่แข่งน้อยกว่า จึงทำให้ Walmart มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
การเติบโตของ Walmart
Walmart ใช้เวลาไม่ถึง 20 ปีก็สามารถทำรายได้ถึึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 1997 Walmart ก็ทำรายได้ทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นบริษัทที่น่าจับตามองมากในตอนนั้น เพราะเป็นเพียงไม่กี่บริษัทสามารถทำรายได้มากขนาดนี้ ส่วนในปัจจุบันบริษัทนี้ก็ทำรายทะลุ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปเป็นที่เรีบยร้อย
รายได้ย้อยหลังของ Walmart
ปี | รายได้ (ล้านดอลลาร์สหรัฐ) | กำไรสุทธิ (ล้านดอลลาร์สหรัฐ) |
2020 | 523,964 | 20,116 |
2019 | 514,405 | 11,460 |
2018 | 500,343 | 15,123 |
2017 | 485,873 | 20,497 |
2016 | 482,130 | 21,638 |
2015 | 485,651 | 24,799 |
2014 | 476,294 | 24,656 |
2013 | 468,651 | 25,662 |
2012 | 446,509 | 24,332 |
2011 | 421,849 | 23,538 |
2010 | 408,085 | 22,118 |
2009 | 404,254 | 20,867 |
2008 | 377,023 | 20,158 |
2007 | 348,368 | 18,968 |
2006 | 312,101 | 17,535 |
2005 | 284,310 | 16,320 |
จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่า Walmart จะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี แต่กำไรสุทธิกลับไม่ได้เติบโตตามเท่าไหร นี่อาจเป็นเพราะว่า เมื่อที่รายได้ที่มากขึ้น รายจ่ายก็จะมากขึ้นตาม ไม่ว่าจะเป็นราคาต้นทุน หรือว่าเป็นภาษีเองก็ดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Walmart เป็นเจ้าตลาดของร้านค้าขายปลีกโลกอยู่ตอนนี้
รู้จัก Walmart กันไปแล้วแต่ถ้าหากถามว่า Customer journey คืออะไร คำตอบก็คงจะตามหัวเรื่องของเรา นั่นก็คือ การเดินทางของลูกค้าที่กว่าจะมาซื้อสินค้าเรา Customer journey ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนการตลาดที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Customer journey การเดินทางของลูกค้าที่กว่าจะมาซื้อสินค้าเรา
อ่านบทความเพิ่มเติม 5 ธุรกิจสร้างยาก ถ้าสร้างได้ยั่งยืนแน่นอน ธุรกิจใครก็สร้างได้ แต่จะสร้างให้ยั่งยืน ดูเหมือนจะไม่ง่าย ยิ่งถ้าเรามีเป้าหมายที่ใหญ่ การจะทำธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเริ่มจากเงินทุนก้อนเล็ก ๆ ยิ่งเป็นไปได้ยาก เราจึงเลือกธุรกิจ 5 ประเภท ที่เริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็ก แต่สามารถขยายให้โตได้ในระยะเวลาอันสั้น มาให้ลองศึกษาดู